สพฐ หรือ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย ปีละครั้งในเดือนเมษายน ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ.ด่วนที่สุด ที่ ศธ 026.6/ว 14 ลงวันที่ 25 เมษายน 2555 นั้น และปีนี้ก็ทำท่าว่าจะจัดสอบไปตามปกติเนื่องจากบัญชีปี 54 จะหมดอายุในเดือน กรกฎาคมปีนี้
(คลิกที่ภาพด้านล่างเพื่อขยาย)
แต่เมื่อมีข่าวการทุจริตในการสอบเมื่อครั้งสอบกรณีพิเศษฯ ที่ผ่านมา ทำให้การรับสมัครสอบที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายน 2556 ที่กำหนดไว้ถึง 1,000 อัตรา อาจจะต้องเลื่อนออกไป เพื่อให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย (คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
หลังปรากฏข้อพิรุธการจัดสอบคัดเลือกข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง “ครูผู้ช่วย” (กรณีมีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว 12) จำนวน 2,000 อัตรา เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ภายหลังการสอบผ่านพ้นไปกว่า 1 เดือน กระทั่งเมื่อวันที่ 27 ก.พ. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ ได้เดินเครื่องตรวจสอบอย่างจริงจัง ด้วยการส่งมอบเอกสารหลักฐาน โดยเฉพาะผลสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมาตรวจสอบเบื้องต้น ให้กับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ช่วยตรวจสอบขยายผล
เนื่องจากช่วงเดือนเม.ย.นี้จะมีการจัดสอบบรรจุข้าราช “ครูผู้ช่วย” (กรณีทั่วไป)อีกจำนวน 1,000 อัตรา เพราะหากไม่สามารถหาความจริงในกรณีนี้ได้ก็อาจจำเป็นต้องเลื่อนการจัดสอบ ครั้งอื่นออกไป เพื่อให้การสอบมีความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีความกังวลอย่างมากกับกรณีนี้เพราะสงสัยว่าอาจจะมีข้าราชการเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ดังนั้นจึงต้องการให้ดีเอสไอ ซึ่งเป็นหน่วยงานนอกช่วยตรวจสอบและยืนยันว่ามีการทุจริตจริงหรือไม่? ก่อนนำผลการตรวจสอบที่ได้กลับไปพิจารณาหามาตรการที่เหมาะสมสำหรับผลการสอบ ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดีเรื่องนี้เมื่อทางกระทรวงศึกษาธิการยื่นเรื่องมาถึงมือนายธาริต อธิบดีดีเอสไอ ก็ได้รับเรื่องตรวจสอบทันทีเพราะมองว่าเป็นเรื่องสำคัญและส่งผลกระทบในวง กว้าง พร้อมมอบหมายให้ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รองผู้บัญชาการ สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดีเอสไอ ประสานข้อมูลกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีการ ทุจริตจริงหรือไม่ก่อนแจ้งผลให้ทราบภายใน 15 วัน
ที่มา: เว็บข่าว เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น