สมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์ของกัมพูชา เสด็จสวรรคตแล้วในจีนวันนี้ (15 ต.ค.) สื่อทางการจีน และผู้รับใช้ใกล้ชิดระบุ
“สมเด็จพระนโรดม สีหนุ เสด็จสวรรคตในกรุงปักกิ่ง” สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงาน และระบุว่า พระองค์จะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ในวันที่ 31 ต.ค. นี้
"“อดีตกษัตริย์ของเราเสด็จสวรรคตเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันจันทร์ ในกรุงปักกิ่ง ด้วยสาเหตุตามธรรมชาติ นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับกัมพูชา ทุกคนรู้สึกโศกเศร้าอย่างมาก อดีตพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่เราทุกคนล้วนเคารพ รักพระองค์” นายเนียก บุนชาย รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวทางโทรศัพท์
สมเด็จพระนโรดมสีหมุนี กษัตริย์แห่งกัมพูชา เสด็จพระราชดำเนินไปยังกรุงปักกิ่งในวันนี้ พร้อมกับนายกรัฐมนตรีฮุนเซน เพื่อรับพระศพพระราชบิดากลับประเทศ และประกอบพระราชพิธีตามประเพณี
สมเด็จพระนโรดม สีหนุ มักเสด็จเยือนจีนอยู่เป็นประจำเพื่อเข้ารับการถวายการรักษาพระวรกาย และพระองค์ได้ประทับอยู่ที่พระตำหนักในกรุงปักกิ่งนับตั้งแต่เดือน ม.ค.
“พระองค์ทรงประชวรด้วยโรคหัวใจ และพระอาการทรุดลงเรื่อยๆ” ผู้ช่วยส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ กล่าว
สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ทรงเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดพระองค์หนึ่งของเอเชีย และทรงสละราชสมบัติให้แก่สมเด็จพระนโรดม สีหมุนี เมื่อเดือนตุลาคม 2547 ด้วยเหตุผลด้านพระพลานามัย พระองค์ทรงมีปัญหาหลายอย่าง ทั้งมะเร็ง เบาหวาน และความดันพระโลหิตสูง รวมทั้งหัวใจ
แม้ว่าพระองค์จะสละราชสมบัติเพื่อสนับสนุนพระโอรสของพระองค์ แต่พระองค์ยังคงเป็นที่เคารพรักของประชาชนในประเทศ โดยจะสามารถเห็นพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ประดับอยู่ตามอาคารสถานที่ต่างๆ รวมทั้งบ้านเรือนของประชาชน นอกจากนั้น พระองค์ยังสื่อสารกับโลกภายนอกผ่านเว็บไซต์ส่วนพระองค์ด้วย
ในข้อความที่พระองค์ทรงระบุไว้เมื่อเดือน ม.ค. ระบุว่า พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะให้พระราชทานเพลิงศพ และเก็บพระบรมอัฐิไว้ในพระราชวังจากเดิมที่มีพระราชประสงค์จะให้ฝังหลัง สวรรคต.
'นโรดม สีหนุ'กษัตริย์เก้าชีวิตแห่งกัมพูชา
แล้วโลกก็สิ้นอดีตพระมหา กษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสีสันมากที่สุดในโลกอีกพระองค์หนึ่ง อดีตพระมหากษัตริย์ผู้อยู่คู่การเมืองในกัมพูชามานานเกือบ 60 ปีจนได้รับยกย่องว่าเป็นพระบิดาแห่งกัมพูชายุคใหม่ ตลอดทั้งพระชนม์ชีพทรงวนเวียนอยู่กับการเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและ โศกนาฎกรรมไม่รู้จักจบสิ้น
ทำให้ทรงมีบทบาทหลายสถานะด้วยกัน ทั้งในสถานะพระมหากษัตริย์หนุ่มที่ฝรั่งเศสปั้นขึ้นมาหมายให้เป็นกษัตริย์ หุ่น แต่กลับสละราชย์สุดท้ายก็กลับมาครองราชย์ใหม่ก่อนจะสละราชย์เป็นครั้งที่ 2 เป็นนักต่อสู้เพื่อสันติภาพที่ต้องเสด็จไปลี้ภัยต่างประเทศ 2 ครั้ง เป็นผู้นำกองกำลังฝ่ายต่อต้านหลายยุคหลายสมัยและเป็นนักโทษสมัยรัฐบาลเขมร แดง
กระทั่งกินเนสส์บุ้คได้บันทึกสถิติโลกไว้ว่า พระองค์ทรงเป็นนักการเมือง ที่ทรงดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลากหลายตำแหน่งมากที่สุดในโลก โดยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ 2 สมัย ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ หรือทรงดำรงตำแหน่งกษัตริย์โดยไม่มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2 สมัย ประธานาธิบดี 1 สมัย นายกรัฐมนตรี 2 สมัย และประมุขแห่งรัฐของรัฐบาลพลัดถิ่นของพระองค์เองอีก 1 สมัย
แต่สำหรับคนไทยรุ่นศึกชิงเขาพระวิหารยกแรกเมื่อทศวรรษ. 2503 พระองค์คือ คนเขมรคนเดียวที่คนไทยรู้จักและไม่ชอบหน้ามากที่สุด ในฐานะที่ทำให้ไทยต้องเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชาจากการตัดสินของศาลโลก ถึงขนาดมีการเล่นปริศนาคำทายกันอย่างกว้างขวางในยุคนั้นว่า "สีอะไรเอ่ยที่คนไทยเกลียดมากที่สุด" คำตอบก็คือ"สีหนุ"
กระนั้น ยามเมื่อพระองค์ต้องทรงหนีภัยการเมือง ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง โดยเฉพาะในยุคเขมรแดงเรืองอำนาจ ประเทศไทย กลับเป็นประเทศแรกที่ให้ความช่วยเหลือ ทั้งให้พระองค์เสด็จผ่านก่อนจะเดินทางไปปักกิ่ง หรือให้เสด็จประทับชั่วคราวระหว่างเยี่ยมราษฎรชาวกัมพูชาที่หนีภัยมาอออยู่ บริเวณชายแดน รวมไปถึงการรับรองรัฐบาลเขมรสามฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลหุ่นเฮง สัมรินที่เวียดนามหนุนหลังอยู่ ตามด้วยการรับรองรัฐบาลเขมรสี่ฝ่ายที่พระองค์ทรงเป็นผู้นำในการเจรจา สันติภาพที่กรุงปารีสจนนำมาซึ่งการเลือกตั้งภายใต้การกำกับดูแลของกองกำลัง รักษาสันติภาพแห่งสหประชาชาติเมื่อปี 2536
"สีหนุก็คือกัมพูชา กัมพูชาก็คือสีหนุ" จูลิโอ เจลเดรส์ ผู้เขียนพระประวัติของอดีตกษัตริย์ผู้นี้ ให้ความเห็นด้วยประโยคง่ายๆแค่ประโยคเดียวแต่สามารถสะท้อนภาพการเมืองใน กัมพูชาได้ดีที่สุด
อย่างไรก็ดี พระองค์ทรงพูดถึงพระองค์เองไว้ครั้งหนึ่งว่าทรงเป็น "เด็กซน" ชอบชีวิตที่สุขสำราญ และชื่นชอบงานศิลป์โดยเฉพาะภาพยนตร์ ทรงเป็นผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์ถึงกว่า 10 เรื่องด้วยกัน
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ประสูติเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2465 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต และสมเด็จพระมหากษัตริยานี ศรีสวัสดิ์ กุสุมะ นารีเรศ สิริวัฒนา เสด็จขึ้นครองราชย์ครั้งแรกเมื่อปี 2484 - 2498 ภายใต้การผลักดันจากฝรั่งเศสที่คิดว่าพระองค์ทรงเป็นเจ้าชายหนุ่มหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย อ่อนหัดและไร้เดียงสาทางการเมือง
แต่กลับผิดคาดเพราะทรงเป็นคนนำขบวนเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส จนกระทั่งสมปรารถนาเมื่อปี 2496 แต่เป็นเพราะไม่อยากเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจำกัดพระราชอำนาจทางการเมือง พระองค์จึงทรงสละราชย์เมื่อปี 2498 ให้พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต พระราชบิดาเสด็จครองราชย์แทน
สำหรับชีวิตส่วนพระองค์นั้น ทรงมีพระชายารวม 6 พระองค์ด้วยกัน มีพระโอรส 7 พระองค์ และพระธิดาอีก 7 พระองค์ รวม 14 พระองค์ โดยพระอัครมเหสีองค์สุดท้ายคือ พระมหาวีรกษัตรีย์ นโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระวรราชมารดา หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในพระนาม ราชินีโมนิก พระราชมารดาพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี
ที่มา : manager online , กรุงเทพธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น